
วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคยมีใครถามคุณไหมว่า “ความรักคืออะไร?” ดิฉันคิดว่าวันนี้เรามีคำตอบให้คุณแล้วล่ะ คำที่ใช้แทนคำว่า “ความรัก” ได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า “ใส่ใจ”
หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองรักใครซักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ
หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ...
นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืน ถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย
หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมา แสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ
คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง
หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า “ถึงหรือยัง” “ปลอดภัยดีไหม” “เหนื่อยไหม”
หากคุณต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า “โชคดีนะ” “ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้"
หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า “ขับรถดีๆนะ” หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ
ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่
ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่ มรู้จักกัน
แต่ดิฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน
ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน
คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน
ชายชรา กับ ลังเหล็ก กาลครั้งหนึ่ง ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คนวันจันทร์ ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น "ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ "วันอังคาร ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น "รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง" เป็นเช่นนี้ตลอด คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่คุณลุงก็ต้องทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียวอยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูกๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า "พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องให้พ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อจำเป็นต้องไปช่วยเขาจริงๆ" ลูกๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้นๆ จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป เมื่อครบ 2 ปี คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วย ลูกๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า "ลังอะไร" คุณลุงตอบว่า "เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด" ปรากฏว่า ลูกๆ พากันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่วันจันทร์ คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดีๆ มาให้ แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย และก็เช่นกันยังไม่ทันไร ลูกสาวคนที่สาม ก็มาตามให้ไปอยู่ด้วยอีก ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอดเวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า
"ถึงลูกฯ ที่รักทุกฯ คน..."ก่อนอื่นพ่อต้องขอขอบคุณก้อนหินทุกๆ ก้อนในลังใบนี้ที่ได้เลี้ยงดูชีวิตพ่อจนถึงวาระสุดท้ายพ่อขอให้ลูกๆ แบ่งก้อนหินในลังเหล็กใบนี้ไปคนละเท่าๆ กันเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้พวกเจ้าหมั่นเก็บออมเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อที่เวลาพวกเจ้าแก่ตัวลงจะได้ไม่มีชีวิต"ที่น่าสมเพชเยี่ยงพ่อ"รักลูกจากพ่อนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบายได้ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง และไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ....พึ่งพาใครไหนเร่า....จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง เกิดเป็นคนต้องรู้จักกตัญญูกับพ่อแม่ ไม่ว่าท่านจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม
"ถึงลูกฯ ที่รักทุกฯ คน..."ก่อนอื่นพ่อต้องขอขอบคุณก้อนหินทุกๆ ก้อนในลังใบนี้ที่ได้เลี้ยงดูชีวิตพ่อจนถึงวาระสุดท้ายพ่อขอให้ลูกๆ แบ่งก้อนหินในลังเหล็กใบนี้ไปคนละเท่าๆ กันเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้พวกเจ้าหมั่นเก็บออมเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อที่เวลาพวกเจ้าแก่ตัวลงจะได้ไม่มีชีวิต"ที่น่าสมเพชเยี่ยงพ่อ"รักลูกจากพ่อนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบายได้ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง และไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ....พึ่งพาใครไหนเร่า....จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง เกิดเป็นคนต้องรู้จักกตัญญูกับพ่อแม่ ไม่ว่าท่านจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เ ร า ใ ส่ น า ฬิ ก า มื อ ซ้ า ย ที่ ใ ส่ มื อ ซ้ า ย เ พ ร า ะ ถ นั ด ข ว า ย ก มื อ ซ้ า ย ขึ้ น ม า ดู เ ว ล า ไ ด้ ง่ า ย แ ต่ ถึ ง มี น า ฬิ ก า เ ร า ก็ ช อ บ ไ ป ส า ย อ ยู่ ดี น า ฬิ ก า ก็ แ ค่ บ อ ก เ ว ล า . . ไ ม่ ไ ด้ ทำ ใ ห้ เ ร า ไ ป เ ร็ ว ขึ้ น คิ ด ดู แ ล้ ว . . หั ว ใ จ ก็ อ ยู่ ท า ง ซ้ า ย เ ห มื อ น กั น บ า ง ที เ ร า ก็ คิ ด น ะ . . ว่ า อ วั ย ว ะ ใ น ร่ า ง ก า ย ที่ มี 2 ชิ้ น จ ะ อ ยู่ ซ้ า ย แ ล ะ ข ว า อ ย่ า ง แ ข น , ข า , ลู ก ก ะ ต า ทำ น อ ง นั้ น . . แ ล้ ว ที่ มี ชิ้ น เ ดี ย ว . . ก็ แ ส ด ง ค ว า ม โ ด ด ข อ ง มั น อ ย่ า ง จ มู ก , ส ะ ดื อ ก็ อ ยู่ ต ร ง ก ล า ง . . ป ร ะ ม า ณ นั้ น แ ล้ ว ทำ ไ ม . . หั ว ใ จ ถึ ง เ อี ย ง ซ้ า ย ล่ ะ ? ? บ า ง ที เ ร า ก็ คิ ด ว่ า . . ที่ เ ป็ น งั้ น ก็ เ พ ร า ะ ใค ร บ า ง ค น อ ย า ก เ ตื อ น ใ ห้ เ ร า รู้ ว่ า . . . หั ว ใ จ เ ร า ไ ม่ ห นั ก แ น่ น พ อ จ ะ อ ยู่ ต ร ง ก ล า ง แ ล้ ว ก็ ไ ม่ มี ม า ก พ อ จ ะ แ บ่ ง เ ป็ น ส อ ง ด้ ว ย เ ห มื อ น กั น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)